วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Record of Learning 9

Record of Learning 9

Science Provision for Early Childhood

Friday 21st September 2018

08.30-12.30


Topics and content

อาจารย์แจกแผ่นวิทยาศาสตร์ คนละแผ่น ดิฉันได้เรื่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซร์
ข้อความรู้ ก๊าซ ที่มีอยู่บนโลกใบนี้มีหลากหลาย ก๊าซที่สำคัญต่อสิ่งมีชีวิต นั้นคือ ก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซร์ และจะมี

วัสดุอุปกรณ์
1. เทียน 2.ไฟแช็ก 3.แก้ว 4.จาน 5.แก้ว

ขั้นตอนการทดลอง
ขั้นตอนที่ 1 นำเทียนมาจุดไฟ แล้วใช้แก้ครอบ จะสังเกตเห็นว่าเทียนนั้นค่อยๆดับลง
ขั้นตอนที่ 2 ใช้เทียนเล่มเดิม จุดไฟอีกครั้งจากนั้นเทน้ำเปล่าให้อยู่กึ่งกลางของเทียน แล้วใช้แก้วครอบอีกครั้งจะเห็นว่าเทียนค่อยๆดับลงและ อากาศด้านในค่อยๆดูน้ำด้านนอกเข้าไป ทำให้ไฟดับลงอีกครั้ง
สรุป จากการที่ได้ครอบแก้วลงสาเหตุที่ืำให้ไฟดับนั้นเพราะว่ากาศออกซิเจนถูกใช้ในการเผาไหม้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซร์ จึงส่งผลให้ไฟไม่สามารถจุดติดได้เพราะขาดก๊าซออกซิเจในการเผาไหม้
ดังนั้นการที่จะทำให้ไฟดันจะต้องทำให้ที่ตรงจุดนั้นขาดออกซิเจน

Assessment

Me ตั้งใจฟังคำเเนะนำคำติชมของอาจารย์และนำไปปรับแก้ใข
Friend ตั้งใจดูคริปและจดบันทึกความรู้
Teacher ให้คำแนะนำและคิดชมพร้องกับให้ข้อคิดเพื่อไปปรับใช้



Record of Learning 8


Record of Learning 8Science Provision for Early ChildhoodFriday 21st September 201808.30-12.30


Topics and content

เพื่อนๆออกมาทดลองวิทยาศาสต์และสาธิตวิธีการทำ


การทดลองเรื่องปริมาณน้ำ







การทดลองเรื่องน้ำมะนาวโซดา



Assessment
Me ตั้งใจดูและตอบคำถามที่เพื่อนออกมาทดลอง
Friend ให้ความร่วมมือกันภายในห้องเป็นอย่างดี
teacher เเนะนำและให้คำติชม

Record of Learning 7

Record of Learning 7 Science Provision for Early Childhood Friday 5th September 2018 08.30-12.30

Topics and content

การทดลองเรื่อง จรวดกรองฟิล์ม





ารทดลองเรื่อง อินดิเคเตอร์จากพืช






การทดลองเรื่อง ความลับของสีดำ






การทดลองเรื่อง การละลายของน้ำตาล




การทดลองเรื่อง แสงและเงา



Assessment

Me ตั้งใจดูเพื่อนทำการทดลอง
Friend ตั้งใจดูการสาธิต และจดบันทึก
Teacher ให้คำแนะนำและเพิ่มเติมความรู้



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปภาพเคลื่อนไหวน่ารักๆ

Record of Learning 6

Record of Learning 6

Science Provision for Early Childhood

Friday 14th September 2018

08.30-12.30


Topics and content

อาจารย์ได้มอบหมายให้นัศกศึกษาหาวิจัย และนำวิจัยของตัวเองมาวิเคราะห์ หาวัตถุประสงค์ ขั้นตอน ตัวแปลตั้น ตัวแปลตาม

กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1.ประเด็นปัญหา
2.สมมติฐาน
3. ทดลอง
4.เก็บข้อมมูล ตรวจสอบผล
5.สรุปผล
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจซึ่งเกิดขึ้นจากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเองหรือเกิดจากการอภิปรายภายในกลุ่ม เรื่องที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม กำหนดประเด็นที่ศึกษา ในกรณีที่ไม่มีประเด็นใดที่น่าสนใจ ครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่างๆ หรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอด้วยประเด็นขึ้นมาก่อน  แต่ไม่ควรบังคับให้นักเรียนยอมรับประเด็นหรือคำถามที่ครูกำลังสนใจเป็นเรื่องที่จะใช้ศึกษา
          เมื่อมีคำถามที่น่าสนใจและนักเรียนส่วนใหญ่ยอมรับให้เป็นประเด็นที่ต้องการศึกษา จึงร่วมกันกำหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น อาจรวมทั้งการรับรู้ประสบการณ์เดิม หรือความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นำไปสู่ความเข้าใจเรื่องหรือประเด็นที่จะศึกษามากขึ้น และมีแนวทางที่ใช้ในการสำรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย  
         2) ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางสำหรับการตรวจสอบตั้งสมมติฐาน กำหนดทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบอาจทำได้หลายวิธี เช่นทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง (Simulation) การศึกษาหาข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงหรือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ในขั้นต่อไป
         3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบแล้ว จึงนำข้อมูลข้อสนเทศที่ได้มิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่าง ๆ เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือรูปวาด สร้างตาราง ฯลฯ  การค้นพบในขั้นนี้อาจเป็นไปได้หลายทาง เช่น สนับสนุนสมติฐานที่ตั้งไว้ โต้แย้งกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้ แต่ผลที่ได้จะอยู่ในรูปใดก็สามารถสร้างความรู้และช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้
         4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ถ้าใช้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งจะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้กว้างขวางขึ้น
         5) ขั้นประเมิน (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่น ๆการนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ จะนำไปสู่ข้อโต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งจะก่อให้เกิดประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบต่อไป ทำให้เกิดเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า Inquiry cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้จึงช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความรู้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อไป

AssessMent

Me รีบค้นหาวิจัยจะได้ไม่ซ้ำกับของเพื่อน
Friend เพื่อนคนที่หาได้แล้วก็มีน้ำใจช่วยหาให้เพื่อนที่ยังหาไม่ได้
Teacher ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิจัยที่นักศึกษาแต่ละคนหามา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปภาพเคลื่อนไหวน่ารักๆ

Record of Learning 5

Record of Learning 5Science Provision for Early ChildhoodFriday 10th September 201808.30-12.30

Topics and content

เนื่องด้วยวันนี้ท่านอาจารย์ มีภาระกิจทางราชการ จึงได้มอบหมายงานให้นักศึกษาจับกลุ่มตามเดิมเพื่อที่จะวางแผนงานในการทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย โดยให้คิดกิจกรรมแล้วเอาออกมานำเสนอความน่าสนใจในกิจกรรมงานของกลุ่มตนเอง ท่านอาจารย์จึงได้ให้คำเเนะนำและข้อคิดเห็นเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบแล้วครบองค์ประกอบมากที่สุด จากนั้นท่าอาจารย์จึงได้ปล่อยให้ทำงานต่อและนักตรวจ blogger ทุกวันอังคาร
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปภาพเคลื่อนไหวน่ารักๆ

Record of Learning 4


Record of Learning 4
Science Provision for Early Childhood
Friday 31st August 2018
08.30-12.30

Topics and content

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

หมายถึงคุณลักษณะ ที่มีความจำเป็นต้องมีในตัวของผู้ที่จะต้องอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหา หรือปฏิบัติงานต่าง ๆ ซึ่งมี 13 ทักษะดังนี้

ทักษะการสังเกต
                ทักษะการสังเกต คือความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัส อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เพื่อหาข้อมูลหรือรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวลงไป เห็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร ได้ยินอย่างไร ได้กลิ่นอย่างไร หรือรสชาติเป็นอย่างไร ก็ตอบไปตามนั้น ประสาทสัมผัสมี 5 ชนิด คือ
1. ประสาทตา สังเกตได้โดยการดู เพื่อบอกรูปร่าง สัณฐาน ขนาด สี สถานะ
2. ประสาทหู สังเกตโดยการฟัง เพื่อบอกเสียงที่ได้ยินว่า เสียงดัง เสียงค่อย เสียงสูง เสียงต่ำ หรือเสียงดังอย่างไรตามที่ได้ยิน
3. ประสาทจมูก สังเกตโดยการดมกลิ่น เพื่อบอกว่ามีกลิ่นหรือไม่ หอม เหม็น ฉุน
4. ประสาทลิ้น สังเกตโดยการชิมรส เพื่อบอกว่ามีรสชาติว่า หวาน ขม เผ็ด เค็ม เปรี้ยว ฝาด แต่ในการสังเกตโดยการชิมนี้ ต้องแน่ใจว่าสิ่งนั้นไม่มีอันตรายและสะอาดเพียงพอ
5. ประสาทผิวกาย สังเกตได้โดยการสัมผัส เพื่อบอก อุณหภูมิ ความหยาบ ความละเอียด ความเรียบ ความลื่น ความเปียกชื้น ความแห้งของสิ่งนั้น

นอกจากการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ชนิดสังเกตโดยตรงแล้ว การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ ได้ก็จัดว่าเป็นทักษะการสังเกตเช่นเดียวกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของสี การเปลี่ยนแปลงรูปร่างสัณฐาน การเปลี่ยนแปลงขนาด การเปลี่ยนแปลงกลิ่น รส อุณหภูมิ ฯลฯ


ทักษะการวัด
                การวัดหมายถึงความสามารถในการเลือกและใช้เครื่องมือต่าง ๆ ทำการวัดหาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ ออกมาเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง โดยมีหน่วยที่ใช้วัดกำกับ ตลอดจนสามารถอ่านค่าที่วัดได้ถูกต้องหรือใกล้เคียงกับความเป็นจริง ในการวัดจะต้องพิจารณาว่า
1. จะวัดอะไร เช่น วัดความยาวเส้นรอบรูปของลูกบอล ชั่งน้ำหนักก้อนหิน วัดอุณหภูมิของน้ำ วัดระยะเวลาที่ใช้ในการต้มน้ำ วัดปริมาตรของของเหลวในขวด วัดขนาดของมุม วัดความชื้นของอากาศ วัดแรงกดดันของอากาศ วัดแรงดันของไฟฟ้า ฯลฯ
2. จะใช้เครื่องมืออะไรวัด เช่น ใช้เชือกและไม้บรรทัดวัดเส้นรอบรูปของลูกบอล ใช้ตาชั่งสปริงชั่งน้ำหนักของก้อนหิน
3. เหตุใดจึงใช้เครื่องมือนั้น เช่นทำไมจึงเลือกใช้เชือกและไม้บรรทัดวัดเส้นรอบรูปลูกบอล จะใช้เครื่องมืออื่นได้หรือไม
่ 4. จะวัดอย่างไร เช่น เมื่อมีเชือกและไม้บรรทัดแล้วจะทำการวัดอย่างไร มีเทคนิคอย่างไร

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการวัดแต่ละครั้ง คือความเที่ยงตรง แน่นอนในการวัดและค่าที่ถูกต้อง การวัดปริมาณใด ๆ มักจะเกิดความคลาดเคลื่อนอยู่เสมอ เช่นเกิดจากการอ่านค่าผิดพลาด หรือบันทึกผิด หรือเกิดจากการใช้วิธีวัดไม่ถูกต้อง วิธีแก้ความคลาดเคลื่อนทำได้โดยการวัดหลาย ๆ ครั้ง แล้วหาค่าเฉลี่ย การที่นักเรียนจะมีทักษะในการวัด จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนอยู่บ่อย ๆ เช่น ก่อนการวัดต้องศึกษาเครื่องมือ วิธีการใช้ สเกลการวัด เป็นต้น ความสามารถที่แสดงว่านักเรียนเกิดทักษะการวัด คือ
1. เลือกเครื่องมือได้เหมาะสมกับสิ่งที่จะวัด
2. บอกเหตุผลในการเลือกเครื่องมือได้
3. บอกวิธีวัดและวิธีใช้เครื่องมือวัดได้ถูกต้อง
4. ทำการวัดปริมาณต่าง ๆ ได้ถูกต้อง
5. ระบุหน่วยของตัวเลขที่ได้จากการวัดได้
การวัดปริมาณต่าง ๆ ได้ตรงกับความเป็นจริงมากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 ประการ
1. เทคนิคการวัด
2. มาตราฐานของเครื่องมือ
3. ความระมัดระวัง ความละเอียดรอบคอบ

ทักษะการจำแนก
                การจำแนก หมายถึงการจำแนกหรือการจัดจำพวกวัตถุหรือเหตุการณ์ ออกเป็นประเภทต่าง ๆ โดยมีเกณฑ์ในการจำแนกหรือจัดจำพวก เกณฑ์ที่ใช้อาจพิจารณาจากลักษณะที่เหมือนกัน แตกต่างกัน หรือสัมพันธ์กัน อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ การกำหนดเกณฑ์อาจทำได้โดย การกำหนดขึ้นเอง หรือมีผู้อื่นกำหนดให้ การจำแนกประเภทอาจทำได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่กำหนด เช่น การแบ่งประเภทสิ่งของ เกณฑ์ที่ใช้มักเป็น สี ขนาด รูปร่าง ลักษณะผิว วัสดุที่ใช้ทำ ราคา หรือการนำไปใช้ ส่วนพวกสิ่งที่มีชีวิตมักจะใช้เกณฑ์ ลักษณะ รูปร่าง อาหาร ที่อยู่อาศัย การสืบพันธุ์ ประโยชน์ เป็นต้น การจำแนกประเภทไม่จำกัดอยู่เฉพาะในวงการวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่สามารถนำไปใช้ในสาขาวิชาอื่น และในชีวิตประจำวันได้ เช่น การจัดสิ่งของภายบ้านที่ต้องแยกออกตามประโยชน์ใช้สอย เช่น ของใช้ภายในครัว ของใช้ภายในห้องน้ำ ของใช้ภายในห้องนอน หรือของใช้ในร้านค้าต่าง ๆ ห้างสรรพสินค้าในปัจจุบันจะพบว่าสินค้าต่าง ๆ ที่วางขายในแต่ละส่วนนั้น จะถูกแบ่งแยกออกตามประโยชน์ใช้สอยทั้งสิ้น เช่นส่วนขายเสื้อผ้าเด็ก ส่วนขายเสื้อผ้าผู้หญิง ส่วนขายเครื่องไฟฟ้า เป็นต้น ในการจำแนกสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้เกิดความสะดวกในการหยิบใช้ และเป็นระเบียบสวยงาม
จุดมุ่งหมายของทักษะการจำแนก
โดยใช้เกณฑ์ที่ตนเองกำหนดขึ้น
1. แบ่งพวกสิ่งของ โดยใช้เกณฑ์ที่ผู้อื่นกำหนดให้ หรือโดยใช้เกณฑ์ที่ตนเองกำหนดขึ้น
2. เรียงลำดับสิ่งของ โดยใช้เกณฑ์ที่ผู้อื่นกำหนดให้ หรือในการแบ่งพวกสิ่งของที่ผู้อื่นจำแนกไว้แล้ว
3. บอกเกณฑ์ ในการเรียงลำดับสิ่งของที่ผู้อื่นเรียงลำดับไว้แล้ว

ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา
                ความรู้เรื่องสเปส ( SPACE ) สเปส หมายถึง ที่ว่าง สเปสของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุครองอยู่ ถ้าจะให้เห็นภาพภาพพจน์ที่ชัดเจน ขอให้ลองนึกว่า ถ้าตัวเราลงไปแช่อยู่ในน้ำซึ่งอยู่ในถังจนมิดหัว แล้วนำไปแช่เย็นจนแข็ง ตัวเราก็จะถูกฝังอยู่ในก้อนน้ำแข็งนั้น หากเรามีความสามารถพิเศษหายตัวออกจากก้อนน้ำแข็งนั้นไป ที่ว่างที่อยู่ในก้อนน้ำแข็งนั้นก็คือ สเปสของตัวเรานั่นเอง
ลักษณะของผู้ที่มีทักษะในการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส มีดังนี้
  • 1. บอกจำนวนมิติของวัตถุที่พบเห็นได้
  • 2. ชี้บ่งรูป 2 มิติ และวัตถุ 3 มิติได้
  • 3. บอกชื่อรูปและรูปทรงทางเรขาคณิตได้
  • 4. วาดรูป 2 มิติ จากวัตถุหรือรูปทรง 3 มิติได้
  • 5. บอกความสัมพันธ์ระหว่างรูป 2 มิติ กับวัตถุ 3 มิติได้ ซึ่งแบ่งเป็น
    • 5.1 บอกรูป 3 มิติที่เห็นเนื่องจากการหมุนรูป 2 มิติ
    • 5.2 บอกรูปทรงของวัตถุ ( 3 มิติ ) ที่เป็นต้นกำเนิดเงา เมื่อเห็นเงา ( 2 มิติ ) ของวัตถุ
    • 5.3 บอกเงา ( 2 มิติ ) ของวัตถุที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นวัตถุ ( 3 มิติ )
    • 5.4 บอกรูป ( 2 มิติ ) ที่เกิดจากรอยตัด เมื่อตัดวัตถุ ( 3 มิติ ) ออกเป็น 2 ส่วน
  • 6. บอกตำแหน่งหรือทิศของวัตถุได้
  • 7. บอกความสัมพันธ์ของสิ่งที่อยู่หน้ากระจกเงา และภาพที่ปรากฏในกระจกเงาได้
รูป 2 มิติ
                รูป 2 มิติ คือรูปที่มีเพียง 2 ด้าน คือ ด้านกว้าง และด้านยาว ซึ่งมีชื่อเรียกกันหลายอย่าง เช่น รูป ชื่อ รูปสามเหลี่ยม(Triangle) รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส(Square) รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า(Rectangle) รูปวงกลม(Circle) รูปวงรี รูปไฮเปอร์โบล่า(Hyperbola) รูปพาราโบล่า(Parabola) รูปห้าเหลี่ยม(Pentagon) รูปหกเหลี่ยม(Hexagon)
รูปทรง 3 มิติ
                รูปทรง 3 มิติ จะมีลักษณะต่างจากรูป 2 มิติ คือนอกจากจะมีด้านกว้างและด้านยาวแล้ว ยังมีด้านสูง หรือด้านลึก เพิ่มขึ้นมาอีก หนึ่งด้าน และจะเรียกคำนำหน้าชื่อว่า "ทรง" เช่น รูปทรง ทรงพิรามิดฐานสามเหลี่ยม, ทรงพิรามิดฐานสี่เหลี่ยม, รูปกรวย(Cone), รูปทรงกลม, รูปไข่, รูปปริซึมฐานสามเหลี่ยม, รูปปริซึมฐานสี่เหลี่ยม เป็นต้น

ทักษะการคำนวณ
ลักษณะของการคำนวณ มีดังต่อไปนี้
1. นับจำนวน
2. ใช้ตัวเลขแสดงจำนวนที่นับ
3. บอกวิธีคำนวณ
4. คิดคำนวณ
5. แสดงวิธีคิดคำนวณ
6. บอกวิธีการหาค่าเฉลี่ย
7. หาค่าเฉลี่ย
8. แสดงวิธีหาค่าเฉลี่ย

ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
                ข้อมูล หมายถึงข้อเท็จจริงที่จะนำไปใช้ในการอ้างอิงหรือคำนวณ เราแบ่งข้อมูลตามระดับความยากง่ายในการทำความเข้าใจได้ 2 ประเภทคือ
1. ข้อมูลดิบ เป็นข้อมูลที่ทำความเข้าใจยาก ได้จากการสังเกต การวัด การจำแนก การคำนวณ ฯลฯ
2. ข้อมูลที่จัดกระทำแล้ว เป็นข้อมูลที่ทำความเข้าใจได้ง่าย ซึ่งได้มาจากการนำข้อมูลดิบมาดัดแปลงใหม่นั่นเอง การดัดแปลงข้อมูลดิบให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นดังกล่าว สามารถทำได้ 4 วิธี คือ
                2.1 หาความถี่
                2.2 จัดลำดับ
                2.3 แยกประเภท
                2.4 คำนวณหาค่าใหม่

ทักษะการสื่อความหมายข้อมูล
การสื่อความหมายข้อมูลหมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จัดกระทำแล้วมาแสดงหรือนำเสนอในรูปแบบใหม่ เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นอีก รูปแบบใหม่ที่สามารถแสดงหรือนำเสนอมีหลายรูปแบบเช่น
1. ตาราง                2. แผนภูมิ
3. วงจร                  4. กราฟ
5. สมการ               6. บรรยาย

ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล
                การลงความเห็นจากข้อมูล หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัส สัมผัสสิ่งของหรือเหตุการณ์ให้ได้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แล้วเพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวลงไปให้กับข้อมูลนั้น ความคิดเห็นส่วนตัวอาจได้มาจาก ความรู้เดิม ประสบการณ์เดิม หรือเหตุผลต่าง ๆ ดังนั้นการลงความเห็นจากข้อมูล จึงมีลักษณะ ดังนี้
1. อธิบายหรือสรุป เกินข้อมูลที่ได้จากการสังเกต
2. เพิ่มความคิดเห็นส่วนตัวลงไป
เช่น นำใบไม้ชนิดหนึ่งที่นักเรียนไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อนให้นักเรียนสังเกต แล้วถามว่าได้ข้อมูลอะไรจากใบไม้นั้นบ้าง
-ใบไม้มีสีเขียว ( ทักษะการสังเกต )
- ใบไม้มีขน ( ทักษะการสังเกต )
- ใบไม้มีรู 2 รู ( ทักษะการสังเกต )
- ใบไม้มีกลิ่นหอม ( ทักษะการสังเกต )
- ใบไม้คล้ายใบอ้อย ( ลงความเห็นจากข้อมูล )
- ใบไม้ถูกหนอนกินเป็นรู ( ลงความเห็นจากข้อมูล )
                การลงความเห็นจากข้อมูลที่กล่าวถึงข้างต้นนั้น เป็นการลงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เท่านั้น ไม่ได้เป็นการลงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งของและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากเป็นการลงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเรียกว่าการทำนาย

ทักษะการพยากรณ์
                การพยากรณ์ หมายถึงการทำนายผล เหตุการณ์ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยข้อมูล ความสัมพันธ์ของข้อมูล หลักการ กฎ หรือทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งที่ทำนาย

ทักษะการตั้งสมมุติฐาน
                การตั้งสมมุติฐาน หมายถึงการทำนายผล เหตุการณ์ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ทราบ หรือไม่มีความสัมพันธ์ของข้อมูล กฎ หลักการ หรือทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งที่ทำนาย ดังตัวอย่าง
ข้อมูล อากาศบ่ายวันนี้อบอ้าว มีเมฆดำลอยต่ำอยู่เต็มท้องฟ้า มดดำคาบไข่ออกจากรังย้ายไปอยู่บนที่สูง
พยากรณ์ ฝนกำลังจะตก ( อาศัยประสบการณ์ หรือความรู้เดิม )
ข้อมูล นายแดงเคยกินปูเค็มมาแล้ว 6 ครั้ง เขาพบว่าภายหลังที่กินปูเค็มทุกครั้งเขาจะมีอาการท้องเสีย
พยากรณ์ ถ้านายแดงกินปูเค็มอีกเขาจะท้องเสีย ( อาศัยความสัมพันธ์ของข้อมูล )
คำถาม ถ้านายแดงกินกุ้งแช่น้ำปลา จะเกิดผลอย่างไร
จะตอบคำถามนี้ได้ต้องตั้งสมมุติฐาน ( ทำนายอนาคต โดยไม่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ของข้อมูล กฎ หลักการ หรือทฤษฎี )

ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
                ในการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมุติฐานนั้น อาจมีคำ หรือข้อความ ในสมมุติฐานที่มีความหมายได้หลายอย่าง ทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน และอาจสังเกตหรือวัด หรือตรวจสอบได้ยาก จึงจำเป็นต้องกำหนดความหมายของคำ หรือข้อความนั้น ให้สามารถเข้าใจตรงกันได้ และสามารถสังเกตหรือตรวจสอบได้ง่าย อันเป็นการจำกักขอบเขตของการศึกษาทดลอง การกำหนดความหมายของคำหรือข้อความจึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ


ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร
                ตัวแปร หมายถึง วัสดุ สิ่งของ หรือสถานการณ์ หรือปริมาณ ที่สามารถทำให้ผลของการทดลองออกมาผิด หรือถูกต้อง น่าเชื่อถือหรือไม่ แบ่งได้ 3 ชนิด คือ
1. ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือตัวแปรที่เป็นต้นเหตุ ให้เราคาดว่าทำให้ผลออกมาต่างกัน
2. ตัวแปรตาม คือผลที่เกิดจากตัวแปรต้น
3. ตัวแปรที่ต้องควบคุม คือสิ่งที่เราต้อง หรือควบคุมให้เหมือนกัน เพื่อให้แน่ใจว่า ผลการทดลองเกิดจากตัวแปรต้นเท่านั้น

ทักษะการทดลอง
การทดลอง เป็นกระบวนการปฏิบัติการเพื่อทดสอบสมมุติฐานที่ตั้งขึ้น
ในการทดลองจะประกอบด้วยกิจกรรม 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
1. การออกแบบการทดลอง
2. การปฏิบัติการทดลอง
3. การบันทึกผลการทดลอง
การออกแบบการทดลอง เป็นการวางแผนการทดลอง เพื่อ
- บอกวิธีทดลอง ให้รู้ว่าจะทำการทดลอง หรือปฏิบัติอย่างไร
- เลือกอุปกรณ์ เครื่องมือ วัสดุ หรือสารเคมีที่จะใช้ทดลอง ให้รู้ว่าจะต้องใช้อะไร จำนวนเท่าไร และใช้อย่างไร
การออกแบบการทดลองที่ดี ต้องสามารถทดลองได้สะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว เที่ยงตรง เห็นผลได้ชัดเจน และประหยัด
การปฏิบัติการทดลอง เป็นกิจกรรมที่ต้องลงมือปฏิบัตจริง ซึ่งจะต้องใช้ทักษะด้านอื่นๆ ประกอบอีกมาก เช่น ทักษะการวัด ทักษะการสังเกต ทักษะการใช้เครื่องมือต่างๆ เป็นต้น
การบันทึกผลการทดลอง เป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องจากการปฏิบัติกาารทดลอง กล่าวคือ เมื่อผู้ทดลองได้สังเกต ได้วัดปริมาณ ได้นับจำนวน หรือได้ให้คะแนน อย่างไร ก็บันทึกผลตามนั้น ลงในแบบบันทึกที่ได้เตรียมไว้ ซึ่งแบบบันทึกนี้จัดเป็นวัสดุอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ต้องเตรียมไว้
อาจสรุปได้ว่าผู้มีทักษะการทดลองควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้
- ออกแบบการทดลองได้เหมาะสม ( เที่ยงตรง รวดเร็ว ปลอดภัย ประหยัด ฯลฯ )
- เลือกวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่ใช้ในการทดลองได้เหมาะสม
- ใช้อุปกรณ์ เครื่องมือได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว ปลอดภัย
- บันทึกผลการทดลองได้เหมาะสม
- ทำความสะอาด จัดเก็บ อุปกรณ์หรือเครื่องมือได้



การตีความหมายของมูล หมายถึงการแปลความหมาย หรือการบรรยายลักษณะ และสมบัติของข้อมูลที่มีอยู่ ในการตีความหมายของข้อมูลนั้น อาจต้องใช้ทักษะอื่น ๆ ด้วย เช่นทักษะการสังเกต ทักษะการคำนวณ เป็นต้น สำหรับการลงข้อสรุป หมายถึงการสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งหมด

Assessment 

Me ตั้งใจตอบคำถามและฟังในสิ่งที่ อาจารย์สอน

Friend ตั้งใจหาข้อมูลเกี่ยวกับวิจัยต่างไที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
Teacher ท่านอาจารย์ช่วยใขข้อสงสัยเกี่ยวกับทักษะด้านต่างๆรวมทั้งอธิบายให้เข้าใจได้เป็นอย่างดี


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

Record of Learning 3


Record of Learning 3

Science Provision for Early Childhood

Friday 24th August 2018

08.30-12.30 

Topics and content

หลังจากที่อาจารย์ได้ให้ศึกษาเกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ อาจารย์ก็ได้ให้แบ่งกลุ่มเพื่อที่จะไปทำกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัยที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ อาจารย์ได้ให้แบ่งกลุ่มแล้วคิดชื่อกิจกรรม วัตถุประสงค์ และขั้นตอนการจัดกิจกรรม

วัตถุประสงค์
 การสอนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยเป็นการสอนข้อความรู้  ซึ่งต่างจากการสอนให้รู้ข้อความรู้ตรงที่การสอนข้อความรู้ต้องการความสนใจ  การสังเกต  การจำ  และการเรียกความจำจากความเข้าใจถ่ายโยงได้  ไม่ใช่การท่องจำซึ่งตรงกับการเรียนวิทยาศาสตร์ที่เป็นการเรียนรู้จากการให้คิดและมีเหตุผล  เกิดการเข้าใจมโนทัศน์  เชื่อสานข้อมูลประยุกต์  และสรุปเป็นข้อความรู้ได้ด้วยตนเอง  ซึ่งในการเรียนวิทยาศาสตร์เด็กต้องพัฒนาทักษะการคิดเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้ได้ 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปภาพเคลื่อนไหวน่ารักๆ

Assessment

Me ตั้งใจและช่วยกันคิดกิจกรรมที่จะนำมาจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

Friend เพื่อนๆต่างช่วยกันรวมหัวคิดและเสนอความคิดออกความคิดเห็น

Teacher อาจารย์ช่วยแก้ใขข้อบกพร่องและแนะนำข้อควรปฏิบัติ

Record of Learning 2

Record of Learning 2

Science Provision for Early Childhood

Friday 17th August 2018

08.30-12.30 

Topics and content

เมื่อพูดถึง '' วิทยาศาสตร์'' จะนึกถึง ศูนย์วิทยาศาสตร์





ฟ้าจำลอง

ฟ้าจำลองแห่งใหม่ ที่ให้ความรู้เรื่องประวัติการสร้างท้องฟ้าจำลองแบบเดิม และแห่งใหม่ โดยมีพลูโตบอย เป็นตัว Mascot ที่จะบอกเล่าเรื่องต่างๆ ของศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งนี้ แล้วตอนท้ายๆจะมีภาพดำดิ่งสู่มหาสมุทร และท่องสู่อวกาศ เป็นท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุด ห้องฉายดาวจะเป็นแบบโดมเอียง

นิทรรศการวิทยาศาสตร์

นิทรรศการชั้น 1 สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิต ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์และการวิวัฒนาการมาถึงยุคปัจจุบัน รวมถึงการอยู่ร่วมกันและการดูแลรักษาโลกด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นิทรรศการชั้น 2 เราจะพาเจ้าตัวเล็กมารู้จักกับการกำเนิดโลกและระบบสุริยะ วิวัฒนาการด้านดาราศาสตร์ และพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 4) พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย ตลอดจนการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในวงการดาราศาสตร์กันค่ะ

นิทรรศการชั้น 3 ชั้นสุดท้ายนี้เราจะพาเด็กๆมาเรียนรู้เทคโนโลยีและประโยชน์ทางด้านต่างๆ ที่เกิดจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ เช่นเทคโนโลยีการสื่อสารและการออกอากาศ เด็กๆจะได้พบกับอุปกรณ์ที่ใช้งานจริง ซึ่งช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ให้เจ้าตัวเล็กสนใจได้ดีขึ้นด้วย

Assessment

Me ตั้งใจทำงานกลุ่มที่อาจารย์ได้มอบหมายและตั้งใจหาคำศัพย์ที่อาจาร์ให้หาเป็นคำศัพย์ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
Friend ตั้งใจทำงานกลุ่มปรึกษาหารือกันและช่วยกับวางแผนงานเป็นอย่างดี
Teacher ตั้งใจอธิบายและสอดแทรงเกล็ดความรู้ให้กับนักศึกษา



ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปภาพเคลื่อนไหวน่ารักๆ

สรุปวิจัย /บทความ / ตัวอย่างการสอน

สรุปวิจัย       1. เป็นการปูพื้นฐานให้กับเด็กโดยคํานึงถึงความสามารคและความเหมาะสมกับวัย ของเด็กเป็นหลัก การจัดกิจกรรมปูพื้นฐานทักษะทางกา...